จากกรณีที่ “โจ้ หลังเท้า” พ.ต.ท.สืบศักดิ์ ผันสืบ อดีตนักตะกร้อทีมชาติไทย ได้เป็นตัวแทนอดีตนักกีฬาตะกร้อทีมชาติไทย ยื่นหนังสือเรื่องร้องเรียนการทำหน้าที่ของผู้จัดการทีมชาติไทย, ผู้ฝึกสอน ทีมตะกร้อทีมชาติไทย ในประเด็น “การหักเงินอัดฉีดนักกีฬาที่ไม่เป็นธรรม” ต่อสมาคมตะกร้อแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมา

โดย “โจ้ หลังเท้า” ระบุว่า ที่ผ่านมา มีการหักเงินนักกีฬามาโดยตลอด แม้กระทั่งเงินรางวัลที่ได้จากในศึกเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่เมืองหางโจว ประเทศจีน ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไป ก็ยังมีการหักไปถึง 50 เปอร์เซ็นต์ นั้น

ขณะที่ “บิ๊กต้อม” ธนา ไชยประสิทธิ์ นายกสมาคมกีฬาตะกร้อแห่งประเทศไทย ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือน ก.ย. 66 ที่ผ่านมา ก็ได้ออกมาชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำงานในสมัยของตน แต่จากการสอบถามนักกีฬา ที่ผ่านมานักกีฬาทุกคนเต็มใจที่จะแบ่งปันเงินรางวัลให้กับคนที่ไม่ได้ ไม่ได้มีการบังคับหรือข่มขู่นักกีฬาตามที่ถูกออกมาเปิดโปงไปก่อนหน้านี้ พร้อมกับตั้งข้อสงสัยและถามกลับไปยัง “โจ้ สืบศักดิ์” ว่าต้องการอะไรกันแน่คำพูดจาก ว็บสล็อตต่างประเทศ

ทางด้าน “คิลเลอร์บี” อนุวัฒน์ ชัยชนะ อดีตนักตะกร้อทีมชาติไทย ในตำแหน่งตัวฟาด ก็ได้ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว มีเนื้อหาปกป้องผู้ฝึกสอนและผู้จัดการทีม ที่ถูกกล่าวหาว่าหักหัวคิวเงินอัดฉีดของนักกีฬา ซึ่ง เจ้าตัว ยืนยันว่ายินดีและเต็มใจที่จะแบ่งเงินรางวัล

ล่าสุด “ซีแมน” อัษดิน วงศ์โยธา อดีตนักกีฬาตะกร้อทีมชาติไทย ตำแหน่งตัวชง ก็ออกมาชี้แจงอีกเสียง เกี่ยวกับเรื่องหักค่าหัวคิวเงินรางวัล โดยอดีตนักเซปักตะกร้อขวัญใจชาวหนองคาย โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า

“#สบายใจทั้งผู้ให้และรับครับ ขอพูดในฐานะของนักตะกร้อทีมชาติไทย ทีมชายคนหนึ่งหน่อยนะครับ ความรู้สึกส่วนตัวออกจากใจจริงครับ ในฐานะที่ผมอยู่ในสถานะทั้งผู้ให้และผู้รับครับการเป็นผู้รับนั้น ผมได้เก็บตัวตั้งแต่อายุ 18 ปี รุ่นพี่ๆ เขาไปแข่งตอนนั้น ผมยังเป็นเด็ก เข้าไปหาประสบการณ์ในการเก็บตัวที่พี่ไปแข่งเอเชียนเกมส์กลับมา เพราะผมก็ได้รับเงินส่วนแบ่งจากเงินรางวัลน้ำใจของพี่ๆ เขาจำนวนหนึ่ง ผมก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากครับ จนกระทั่ง 7-8 ปีต่อมา ผมได้เป็นตัวจริงในการแข่งขันรายการใหญ่ใหญ่หลายรายการและได้เล่นสองเหรียญทองหลายรายการ เช่นทีมเดี่ยวคิงส์คัพสองครั้ง ตะกร้อคู่เอเชียนเกมส์ หนึ่งครั้ง ได้เล่นทั้งสองเหรียญทองครับ ผมก็ได้มีโอกาสเป็นผู้ให้ทีมงานพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ และทุกคนที่เป็นครอบครัว”

“ตะกร้อถ้าคนอยู่ข้างในแคมป์จะรู้ครับว่าพวกเราเหนื่อย พวกเราฝ่าฟันอุปสรรคกันมาไม่ใช่ง่ายๆ ครับ กว่าจะได้เหรียญทองไม่ใช่ เพราะผมคนเดียว แต่เป็นเพราะทีมงานรวมถึงเจ้าหน้าที่สมาคม แม่บ้าน พี่ รปภ. หลายๆ คน ผมก็ได้เป็นผู้ให้มีน้ำใจให้พวกเขาเหล่านั้นครับ อีกสี่ห้าปีต่อมา ผมไม่ได้ลงเล่นแข่งขัน ผมยังอยู่ในทีมงานคู่ซ้อมนะครับ ผมก็ยังได้รับส่วนแบ่ง ผมรู้สึกดีใจ และสบายใจ ที่เป็นทั้งผู้ให้ผู้รับครับ”

“ไม่มีใครถูกไม่มีใครผิดครับ เพราะมันเป็นเรื่องของน้ำใจความพึงพอใจของผู้ให้และผู้รับ ไม่มีใครสามารถบังคับใครได้ครับ ทุกคนมีสิทธิที่จะคิดเห็นต่างครับ”

ภาพจาก…Assadin Wongyota

By admin